Loading the player...


INFO:
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติในหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน มีสาระสำคัญที่เป็นการยกระดับกฎหมายจากระเบียบ (ระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. 2554) เป็นพระราชบัญญัติ เพื่อให้การดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มีความเข้มแข็ง และ อสม. ได้รับการคุ้มครองในระดับที่สูงขึ้น รวมถึงมีหลักประกันในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง และได้รับสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม โดยมีการกำหนดให้ อสม. มี 3 ประเภท (เหมือนเดิม) ได้แก่ (1) อสม. (2) อาสาสมัครสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และ (3) อาสาสมัครสาธารณสุขอื่น ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของคณะกรรมการระดับประเทศ นายคารม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กำหนดให้มีคณะกรรมการเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 คณะกรรมการส่งเสริมและสนับสนุน อสม. แบ่งเป็น 4 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการระดับประเทศ คณะกรรมการระดับเขตสุขภาพ คณะกรรมการระดับจังหวัด และคณะกรรมการกรุงเทพมหานคร (เดิม กำหนดให้มี 3 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านกลาง คณะกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านระดับจังหวัด คณะกรรมการส่งเสริมและคณะกรรมการสนับสนุนอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร) ซึ่งคณะกรรมการระดับประเทศทำหน้าที่ในการเสนอนโยบายด้านการดำเนินงาน อสม. คณะกรรมการระดับเขตสุขภาพทำหน้าที่ดำเนินการตามโยบายในการส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนสวัสดิการ ให้แก่ อสม. ที่คณะกรรมการระดับประเทศกำหนดไว้ และจัดสรรให้มี อสม. ในแต่ละจังหวัดในสัดส่วนที่กำหนด ส่วนคณะกรรมการระดับจังหวัดและคณะกรรมการกรุงเทพมหานคร ดำเนินการตามนโยบายที่คณะกรรมการระดับประเทศกำหนด นายคารม กล่าวว่า และกลุ่มที่ 2 คณะกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครสาธารณสุขอื่น ทำหน้าที่ดำเนินการตามนโยบายเพื่อส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุน อสม. อื่นซึ่งเกิดขึ้นตามร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว นอกจากนี้ได้ปรับปรุงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิขึ้นทะเบียน อสม. เช่น ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ อีกทั้ง กำหนดให้ อสม. มีบทบาทและหน้าที่ให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชน ดำรงตนและปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมตามที่คณะกรรมการระดับประเทศกำหนดไว้ เพื่อให้การปฏิบัติงานของ อสม. มีมาตรฐาน และปรับปรุงวิธีร้องเรียน อสม. โดยให้ผู้ร้องเรียนยื่นคำร้องต่อนายทะเบียน เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการระดับจังหวัดต่อไป เพื่อให้วิธีปฏิบัติในการร้องเรียนมีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มเหตุของการพ้นสภาพจากการเป็น อสม. ได้แก่ การไม่ผ่านการประเมินมาตรฐานการปฏิบัติงานและได้รับโทษโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เพื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น นายคารม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ อสม. คือ สิทธิในการรวมกลุ่มในลักษณะชมรม สมาคม หรือมูลนิธิ และสิทธิในการแต่งเครื่องแบบ อสม. เพิ่มเติม เรื่องการสนับสนุนกิจการ อสม. รวมถึงให้ความช่วยเหลือเยียวยาและให้สวัสดิการแก่ อสม. 2 กลุ่ม คือ 1) อสม. ที่ปฏิบัติงานอยู่ และ 2) อาสาสมัครสาธารณสุขอื่น เช่น อสม. ที่เป็นผู้สูงอายุซึ่งเคยปฏิบัติงาน โดยกำหนดให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เป็นหน่วยงานกลางในการสนับสนุน ซึ่งเงิน ทรัพย์สิน และดอกผลที่ได้รับเพื่อใช้ในการสนับสนุนกิจการดังกล่าว อาทิ รายได้จากการบริจาค เงินสมทบจาก อสม. และรายได้อื่นๆ ไม่ต้องส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ทั้งนี้กระทรวงการคลังเห็นชอบในเรื่องไม่นำเงินส่งคลังด้วยแล้วตามนัยมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561